คุณกำลังเป็นมนุษย์ โรคNCDs หรือเปล่า
โรคNCDs เป็นชื่อของกลุ่มโรค ย่อมาจาก Non-Communicable diseases หรือแปลเป็นไทยก็คือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง นั่นคือ โรคพวกนี้มันไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ไม่สามารถติดต่อกันได้ แต่โรคพวกนี้เกิดจาก lifestyle และพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ตัวอย่างของโรคในกลุ่ม NCDs ก็อย่างเช่น โรคเบาหวาน, โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ, โรคถุงลมโป่งพอง, โรคมะเร็ง, โรคความดันโลหิตสูง, โรคอ้วนลงพุง เป็นต้น
เราคงเคยได้ยินเรื่องราวการระบาดของโรคระบาดครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกาฬโรค อหิวาตกโรค และไข้ทรพิษ รุนแรงถึงขนาดต้องย้ายบ้านย้ายเมืองหนี อย่างกาฬโรคในอดีตฆ่าคนไปแล้วหลายล้านคน แต่การระบาดของโรคครั้งใหญ่แบบนั้น เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน? นึกไม่ออกเลยใช่ไหมคะ เพราะว่าตั้งแต่โลกได้รู้จักยาปฏิชีวนะ การระบาดของโรคครั้งใหญ่ที่มีคนตายเป็นแสนๆก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย
ทุกวันนี้เราไม่ได้ตายกันด้วยโรคระบาด แต่เรากำลังจะตายด้วยโรคที่ไม่ระบาด โรคที่เกิดจากความสบาย โรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่ไร้ระเบียบวินัย…..นั้นเอง!!!
กลุ่มโรค NCDs กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ของโลก จากข้อมูลของ WHO ในปี 2552 พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลก 63% เกิดจากกลุ่มโรค NCDs ที่สำคัญกว่านั้นคือ กว่า 80% เป็น ประชากรของประเทศที่กำลังพัฒนาแล้ว
สำหรับประเทศไทยนั้น จากข้อมูลปี 2552 พบว่าคนไทยชีวิตมากกว่า 300,000 คน หรือคิดเป็น 73% ของการเสียชีวิตของประชากรไทยทั้งหมด และพบว่ามีคนไทยป่วยเป็นโรค NCDs ถึง 14 ล้านคน !!!!
หมดยุคของมัจจุราชโรคระบาดที่กระชากวิญญาณคนทั้งหมู่บ้านไปแล้ว ต่อไปนี้คือยุคของเพชรฆาตเงียบที่ค่อยๆ ฆ่าเราโดยที่ไม่รู้ตัว ที่สำคัญคือเพชรฆาตพวกนั้น ไม่ใช่ใคร แต่คือตัวเราเอง
พฤติกรรมเสี่ยงของโรค NCDs
อย่างที่บอกไปคะว่า โรคพวกนี้ส่วนใหญ่มักเกิดจากพฤติกรรมของตัวเราเอง เพราะฉะนั้นแม้ว่าสถิติ จะสูงและน่ากลัวขนาดไหน เราก็สามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเอง พฤติกรรมที่เป็นสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรค อาทิเช่น
- การดื่มเครื่องดื่มที่มี alcohol
- การสูบบุหรี่
- ขาดการออกกำลังกาย
- รับประทานอาหารหงานมันเค็มจัด
- ความเครียด
เอาแค่ 5 พฤติกรรมนี้นะค่ะ ถ้าหากเราสามารถลดพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ได้ จะสามารถลดความเสี่ยงได้หลายอย่าง อาทิเช่น
- คนไทย 21.4% เป็นโรคความดันโลหิตสูง และมีคนจำนวนมากที่ว่าไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูง
- ชายไทยที่รู้ตัวว่ามีน้ำตาลในเลือดสูงมีเพียง 56.7% และมีเพียง 27.1% เท่านั้นที่สามารถควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดได้
- ผู้หญิงมีความชุกของภาวะไขมันคลอเรสเตอรอลสูงมากกว่าผู้ชาย
- ตั้งแต่ปี 2535 ถึง 2552 ผู้ชายไทยเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า
เพราะฉะนั้น ถ้าหากมีเวลาว่างๆ ก็อยากไปให้ไปตรวจสุขภาพ วัดน้ำตาล ความดัน และไขมันกันบ้างนะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : thaihealth
บทความอื่นที่น่าสนใจ : ภัยแฝงจาก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กับไตวายระยะสุดท้าย